คุณค่าในตัวเอง (2) SELF-WORTH
5 เคล็ดลับเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง
1. หมั่นสำรวจจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง
สม่ำเสมอ : อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประเมิน
ศักยภาพตนเองและข้อบกพร่องที่เราจะสามารถ
ปรับปรุงให้ดีขึ้น
2. ไม่ดูถูกตนเอง และเลิกเปรียบเทียบตนเอง
กับผู้อื่น : แต่ละคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน
เราก็มีความถนัดในแบบฉบับที่เป็นเรา ที่สำคัญคือ
อย่าดูถูกตนเองเพราะสิ่งใดที่มนุษย์ทำได้เราย่อม
ทำได้เช่นกัน
3. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ : สุขภาพที่
แข็งแรงเป็นพื้นฐานที่สำคัญของพลังใจที่เข้มแข็ง
หมั่นออกกำลังกาย และเลือกสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์
ต่อสุขภาพ สิ่งใดที่รู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพก็ละเว้นเสีย
4. มองหาบุคคลต้นแบบ และหมั่นศึกษาเพิ่มพูน
ความรู้เสมอ : การหาต้นแบบหรือไอดอลเป็น
แรงบันดาลใจหนึ่ง ที่จะผลักดันให้เกิดการลงมือ
กระทำ (take action) เพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะ
เป็นการเข้าคอร์สเรียนเฉพาะทาง การอ่านหนังสือ
การเข้าอบรมสัมมนาต่างๆ
5. รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว : หมั่นสื่อสาร
และสอบถามความเห็นจากคนในครอบครัว
ที่มีต่อเรา เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงความสัมพันธ์
ภายในครอบครัว เพราะ “ไม่มีความสำเร็จ
นอกบ้านใด ที่จะชดเชยความล้มเหลวในบ้านได้”
ดร. สตีเฟน โควีย์(Stephen Covey) ผู้เขียนหนังสือ
“7 Habitsof Highly Effective People” (7อุปนิสัยของ
ผู้มีประสิทธิผลสูงยิ่ง) ซึ่งเป็นหนังสือที่ทรงอิทธิพลมาก
ที่สุดเล่มหนึ่งของโลก และเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจาก
นิตยสารไทม์ว่า เป็นบุคคลสำคัญ 25 อันดับแรกของ
สหรัฐฯ ท่านแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับภรรยา แซนดร้า
โควีย์เป็นเวลา 56 ปีมีลูก 9 คน และ มีหลาน 52 คน
ซึ่งภรรยาของท่านเป็นกำลังสำคัญให้ ดร. โควีย์
มาโดยตลอด ทั้งด้านครอบครัว และด้านการงาน
ดร. โควีย์เคยกล่าวไว้ว่า “ยิ่งภรรยาผมคิด
ต่างจากผมมากเท่าไร ผมยิ่งรู้สึกดีใจ เพราะ
แสดงว่าเราจะได้อะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ” ดังนั้น
ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงภายในครอบครัว คือพื้นฐานของความสำเร็จ
6. มีเวลาให้กับตนเอง : สังคมโลกโซเชียลใน
ปัจจุบันทำให้คนเรามีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งต่างๆ
น้อยลง การให้เวลากับตนเองในแต่ละวันอย่าง
น้อย 1 ชั่วโมง ทบทวนตนเองฟังเสียงหัวใจตนเอง
ทบทวนถึงเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ
อ่านหนังสือ หรือฟังคลิปพัฒนาตนเอง จะทำให้
เรามีจิตใจที่สงบนิ่งขึ้น เมื่อใจสงบจะสามารถมอง
เห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น ความมั่นใจก็จะเพิ่มมากขึ้น
โดยปริยาย
ซุนวูได้กล่าวไว้ว่า 知已知彼 , 百战百胜 หมายถึง
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง สิ่งสำคัญอันดับแรกของความ
สำเร็จคือ การรู้จักตนเอง เพราะการรู้จักตนเอง จะทำให้เรารู้ว่า
จุดแข็งหรือศักยภาพที่เรามีคืออะไร จุดอ่อนของตัวเองคืออะไร
เมื่อเรามองเห็นจุดแข็งจุดอ่อน เราจะรู้ว่าเราควรจะพัฒนาตนเอง
อย่างไร ไปในทิศทางไหน โดยหลักทฤษฎีของความสำเร็จ มักจะ
ให้พัฒนาจุดแข็งมากกว่าแก้ไขจุดอ่อน เนื่องจากคนเราไม่ได้เก่ง
หรือถนัดทุกด้าน การต่อยอดพัฒนาในจุดแข็งหรือความชำนาญ
ที่มีเพียงด้านเดียว จะทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าการเริ่ม
ต้นใหม่จากจุดที่ไม่ถนัดเลย ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน
ขุททกนิกายชาดก เอกนิบาต ว่า “สาธุ โข สิปฺปกํ นาม อปิ
ยาทิสกีทิสํ ขึ้นชื่อว่าศิลปะ แม้เช่นใดเช่นหนึ่ง ย่อมยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จได้”
知已知彼 , 百战百胜 อ่านว่า จืออี่จือ ปี่ ไป่จั้น ไป่ เซิ่ง
การที่คนเราจะรู้จักตนเองได้นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน
ทรงให้หลักว่ามีองค์ประกอบ 5 ประการ ดังนี้
1. ศรัทธา เป็นองค์ประกอบแรกของการรู้จักตน ถ้าเป็น
ศรัทธาในทางธรรมจะหมายถึงการมีความเชื่อในบุญบาป นรก
สวรรค์ผลของการทำความดีมีจริง พ่อแม่มีพระคุณจริง และความ
เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยว่ามีจริง
ส่วนศรัทธาทางโลก จะหมายถึง การมีศรัทธาต่อตัวเอง
รู้เป้าหมายชีวิตของตัวเอง เห็นภาพชัดเจนว่ามีความมุ่งมั่นตั้งใจ
และปรารถนาอยากจะเป็นอะไร ?
ยกตัวอย่าง อาจารย์บัณฑิต อึ้งรังษีมีเป้าหมายในใจ
ชัดเจนว่า อยากจะเป็นวาทยกรระดับโลก ในสมัยมัธยมอาจารย์
บัณฑิตเรียนอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ และมีความหลงใหลใน
ดนตรีคลาสสิคมาก อยากจะยึดเป็นอาชีพในอนาคต แต่ในขณะ
นั้นยังไม่เคยมีคนไทยที่สามารถคุมวงออเคสตร้าระดับโลกได้เลย
และคนไทยด้วยกันมักจะมีความคิดว่า “ฝรั่งเก่งกว่าไทย” จึงเป็น
แรงบันดาลใจให้อาจารย์บัณฑิตอยากจะเป็นคนไทยคนแรก ที่
สามารถคุมวงออเคสตร้าในระดับโลก เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า
“ถ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งของโลกในด้านใดด้านหนึ่ง จะต้อง
ทำอย่างไร ?”
อาจารย์บัณฑิตต้องการเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลกและ
ต้องการพิสูจน์ให้คนไทยด้วยกันเองได้คิดใหม่ว่า “คนไทยเก่งไม่
แพ้ชาติใดในโลก” ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนไทยใน
เรื่องนี้ได้นั้น ก่อนอื่นเขาจะต้องมีความโดดเด่นเหนือคนอื่น จึงตั้ง
เป้าหมายว่า “จะต้องเป็นวาทยกรที่อายุน้อยที่สุดในตำแหน่ง
ที่ใหญ่ที่สุด” เพื่อที่จะมีอิทธิพลสร้างแรงบันดาลใจต่อผู้คนให้
มากที่สุด
อาจารย์บัณฑิตมีภาพในใจที่ชัดเจน เมื่อเป้าหมายชัด
ก็ทุ่มเทลงมือทำอย่างเต็มที่ และหาต้นแบบที่เป็นคนเก่งระดับ
โลกคือ สุบิน เมธา วาทยกรชาวอินเดียเป็นต้นแบบ และในที่สุด
อ.บัณฑิต ก็ได้เป็นผู้ชนะเลิศ “ร่วม” การแข่งขันมาร์เซล วิล่า
(Maazel-Vilar International Conducting Competition)
ซึ่งเป็นการแข่งขันคอนดักซ์เพลงรายการใหญ่ ที่คาร์เนกีฮอลล์
นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2545 จนมีชื่อเสียงระดับโลก
และควบคุมวงออเคสตร้าระดับโลกรวมแล้วกว่า 400 คอนเสิร์ต
ปัจจุบัน อ.บัณฑิตได้ผันตัวเองมาทำงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
ให้กับคนไทยมากมาย
2. ศีลในทางธรรมหมายถึงข้อปฏิบัติที่วัดคุณค่าของการ
เป็นคน ซึ่งหมายถึงศีล 5 ส่วนในทางโลก ก็คือ การมีวินัยในตนเอง
ซึ่งเป็นคุณธรรมที่สำคัญที่ทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
ผู้เขียนเอง เขียนหนังสือเล่มนี้ก็ต้องสร้างวินัยในการ
เขียน คือ ตั้งบทขึ้นมา 15 บท และคัดจนเหลือ 10 บท แต่ละบท
มี 5 หัวข้อ แต่ละหัวข้อมี 3 คำถาม ซึ่งก็ตั้งเป้าไว้ว่า ต้องเขียนให้ได้
1 คำถามทุกวัน เขียน 15 วัน ก็จะได้ 1 บท ก็ทำแบบนี้จนสามารถ
เขียนหนังสือได้สำเร็จ
3. สุตะ คือ การสำรวจตนเองว่ามีความรู้มากน้อยเท่า
ไหนต่องานที่ทำ การมีเป้าหมาย มีวินัยในตนเอง มีความทุ่มเท
และขยันหมั่นเพียรยังไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ หากขยัน
อย่างเดียวแต่ไม่มีความรู้ก็จะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของ
โลก เช่น การทำการค้าในปัจจุบัน ถ้าไม่นำความรู้เรื่องไอทีและ
โซเชียลมีเดียมาใช้ก็จะค้าขายสู้คู่แข่งไม่ได้นอกจากจะมีความ
รู้ในสายงานที่ทำแล้ว ยังต้องมีความรู้ที่สามารถนำมาเชื่อมโยง
กันได้ด้วย จึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ดี
4. จาคะ ในที่นี้ให้น้ำหนักในเรื่องของ “การสละอารมณ์”
เช่น อารมณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจอารมณ์เซ็งๆ ความกดดัน ความน้อยใจ
เป็นต้น ซึ่งต้องหมั่นเคลียร์อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ให้ออกไปจาก
ใจให้หมด ในชีวิตจริงเราต้องเจอกับเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจมากมาย
หากเราไม่รู้จักสละอารมณ์หรือปล่อยวาง ก็จะไม่สามารถไปต่อได้
เพราะมัวแต่ติดและจมอยู่กับเรื่องที่ไม่เป็นแก่นสารนั่นเอง
5. ปัญญาปฏิภาณ คือ เมื่อรู้ศักยภาพของตนเองแล้ว
ก็ฉลาดที่จะนำความรู้ที่มีมาเชื่อมโยง และมีไหวพริบในการแก้ไข
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น คนที่มีความรู้ดีเรียนหนังสือเก่ง ก็ยังไม่แน่
เสมอไปว่าจะประสบความสำเร็จในขณะเดียวกัน คนที่มีปัญญา
บางคน อาจจะเรียนหนังสือจบไม่สูง หรือจบแค่ชั้นประถมหรือ
มัธยม แต่ก็สามารถบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้เพราะ
ความมีปัญญาปฏิภาณดี ดังที่เราเห็นตัวอย่างมากมายของ
เจ้าสัวหรือนักธุรกิจดังๆ ในเมืองไทยหลายท่าน ที่สามารถสร้าง
ธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้แม้จะเรียนไม่สูงก็ตาม
คนเรามีความรู้เพียงอย่างเดียว ถ้าหลงติดกับดักความรู้
อาจจะเข้าข่าย “มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดได้” ดังนั้น
จะพิสูจน์ว่าคนนั้นเก่งจริงหรือไม่นอกจากจะมีความรู้แล้ว ยังต้อง
ประกอบด้วยปัญญาด้วย เมื่อสองสิ่งผนวกรวมกัน ก็จะนำพาให้
ประสบความสำเร็จได้อย่างราบรื่น
>> โปรดกดติดตาม เพื่อรับเรื่องราวดี ๆ ในครั้งต่อไป..
#หลวงพี่นะโม
#หนังสือจูนความคิดพิชิตความสำเร็จ
#จูนความคิด #พิชิตความสำเร็จ #ความสำเร็จ #ความคิด #จูนความคิดพิชิตความสำเร็จ #tunningmind #successtory
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น