จูนความคิด A CHOICE
“ That mind is the master-weaver, both of the
inner garment of character and the outer garment of
circumstance.--จิตคืออำนาจสูงสุด ที่ใช้สร้างทั้งบุคลิกภาพ
จากภายใน และสถานการณ์ต่างๆ ภายนอก” -James Allen
อย่างที่ทราบกันว่า ความคิดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต
ของเราเอง ความคิดบวก ย่อมส่งผลให้ประสบความสำเร็จ และ
ความคิดลบ ย่อมเป็นตัวฉุดรั้งความก้าวหน้า
ดร.นโปเลียน ฮิลส์ ใช้ชีวิตศึกษาบุคคลมาทั่วโลกกว่า
25,000 คน โดยศึกษาทั้งคนสำเร็จและคนล้มเหลว ได้กล่าวไว้
ว่า สมองของคนเรา เปรียบเสมือนสถานีวิทยุที่ส่งคลื่นออกไป
ตลอดเวลาซึ่งคลื่นนี้จะดึงดูดสถานการณ์ที่คล้ายกับคลื่นที่ส่งออก
ไปเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าเราจะคิดบวกหรือลบ คลื่นความคิดจะจูน
และดึงดูดสิ่งที่คิดให้เข้ามาหาตามที่เราคิด ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับ
ตัวเราในปัจจุบัน จึงเป็นผลมาจากความคิดของเราเองทั้งหมด
ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างลงความเห็นไว้ตรงกันว่า ถ้าคนๆ หนึ่ง
ต้องการเปลี่ยนอนาคตของเขาเอง เขาจะต้องเปลี่ยนคลื่นสมอง
ให้จูนรับแต่คลื่นบวก ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนความคิดทั้งหมดของ
คนๆ นั้นให้เป็นบวกนั่นเอง
บางท่านอาจจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า แล้วควรจะ
เริ่มต้นฝึกความคิดบวกอย่างไรแบบเป็นรูปธรรม?
ผู้เขียนแนะนำให้เริ่มต้นการคิดบวก หรือจูนความคิดที่ดี
ทุกๆวัน ตั้งแต่วินาทีแรกของการลืมตาตื่นนอนขึ้นมา ด้วยการทำ
สิ่งนี้ 6 อย่าง แล้วทุกๆ วันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความสุข
เราจะสัมผัสได้ถึงความรักความดีงามจากรอบตัวเรา
1. กล่าวขอบคุณ : ช่วงเวลายามเช้า เป็นเวลาที่ทรง
คุณค่าและทำให้เรามีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม วินาทีแรกของการ
ตื่นนอนจึงเป็นเวลาที่เราควรกล่าวขอบคุณทุกสิ่งรอบตัว เช่น
• ขอบคุณตัวเองที่มีชีวิตได้สร้างความดีมาถึงทุกวันนี้
• ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงเรามาจนโต
• ขอบคุณครูบาอาจารย์พี่น้อง เพื่อน ฯลฯ
การกล่าวขอบคุณต่อทุกสิ่งรอบตัว เป็นการแสดง
ความกตัญญูการแผ่เมตตาส่งความรักความปรารถนาดีออกไป
จะทำให้ใจเราถูกยกให้สูงขึ้น เราจะจับดีต่อทุกสิ่งรอบข้าง
ความคิดจะเป็นบวกและจะจูนคลื่นดีดึงดูดแต่สิ่งดีดีเข้ามาหาเรา
2. ดื่มน้ำสะอาดหลังตื่นนอนทันที : ร่างกายเราพัก
ผ่อนมายาวนาน 7-8 ชั่วโมง แต่ในขณะเดียวกันก็สูญเสียน้ำขณะ
หลับไปตลอดทั้งคืนด้วย เมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายจึงเกิดภาวะขาดน้ำ ตื่นนอนมาให้รีบดื่มน้ำสัก 2-3 แก้วหรือ1 ลิตรจะทำให้เซลล์
กลับชุ่มชื่นขึ้น เราจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีอีกทั้งน้ำยัง
เป็นตัวชะล้างของเสียต่างๆ ที่หมักหมมอยู่ภายในร่างกายอีกด้วย
3. ออกกำลังกาย : หลังจากดื่มน้ำแล้ว ออกกำลัง
กายยืดเส้นยืดสาย กระตุ้นให้ข้อต่อต่างๆ ของร่างกายตื่นตัว
จะเป็นการทำโยคะ หรือออกกำลังกายเบาๆ สัก 20 นาทีเราจะ
รู้สึกได้ทันทีว่า ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีหลักง่ายๆ คือ
ออกกำลังกายทุกส่วนสลับๆ กันไป ให้ถูกท่าทาง และให้พอดี
4. รับประทานอาหารที่ดี : เรามักจะได้ยินคำพูดบ่อยๆ
ว่า “You are what you eat” หมายถึง สุขภาพเราเป็นตามสิ่งที่
เรากิน ลองเริ่มต้นเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้กับร่างกายเรา
การมีสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เรามีพลังสร้างสรรค์
สิ่งที่ดีต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
5. ทำสมาธิ : การทำสมาธิเป็นการจัดระเบียบความคิด
โดยเริ่มจัดระเบียบตั้งแต่ความคิดในปัจจุบัน จนถึงเรื่องราวที่ฝังอยู่
ภายใต้จิตสำนึกของเราเอง เมื่อความคิดเป็นระเบียบ การทำการงาน
หรือสิ่งใดใดจะมีประสิทธิภาพมาก ช่วงเวลาที่สำคัญ 2 ช่วง
ในการทำสมาธิคือช่วงหลังจากตื่นนอน และก่อนเข้านอน
หลังตื่นนอน เป็นช่วงเวลาที่ใจเรากำลังบริสุทธิ์เกลี้ยงๆ
ยังไม่มีสิ่งใดเข้ามาแทรก ดังนั้น การหลับตาทำสมาธิตั้งแต่ตื่นนอน
จะทำให้ใจรวมและเป็นสมาธิได้ง่าย มีพลังในการใช้ชีวิตวันใหม่
เรียกว่า ตื่นเป็นสุข
ก่อนนอน เป็นช่วงเวลาที่เราจัดการสะสางเรื่องราว
ทั้งหมดที่เผชิญมาทั้งวัน เมื่อได้นั่งสมาธิใจเราจะสะอาดสดชื่น
ไม่มีเครื่องกังวล และทำให้เราหลับอย่างเป็นสุข
6. เขียนเป้าหมาย : เป้าหมายเปรียบเสมือนพวงมาลัยรถ
ที่คอยบังคับทิศทางให้เราขับไปได้ถูกต้องเป้าหมายใหญ่จะบรรลุ
ผล ขึ้นอยู่กับเป้าหมายย่อยๆในแต่ละวันด้วย การเขียนเป้าหมาย
ในแต่ละวัน เป็นการสร้างพันธสัญญาให้กับตัวเราเอง ได้ลงมือ
ปฏิบัติให้สำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้
การปรับจูนความคิดให้เป็นบวกทั้ง 6 วิธีนี้เป็นวิธีการง่ายๆ
ที่จะช่วยปรับคลื่นสมองให้คิดแต่เรื่องบวก ทำให้มีพลังชีวิตที่ดี
หากได้ปฏิบัติตาม รับรองว่าสิ่งดีดีจะเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
>> โปรดกดติดตาม เพื่อรับเรื่องราวดี ๆ ในครั้งต่อไป..
#หลวงพี่นะโม
#หนังสือจูนความคิดพิชิตความสำเร็จ
#จูนความคิด #พิชิตความสำเร็จ #ความสำเร็จ #ความคิด #จูนความคิดพิชิตความสำเร็จ #tunningmind #successtory
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น