Before Reading
.. ผู้เขียนมักบอกกับคนอื่นเสมอๆ ว่า อยากจะมีหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม และต้องเป็นหนังสือที่มอบคุณค่าให้กับผู้คนได้...
.. ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ฟังในตอนนั้น ต่างก็คิดว่าผู้เขียนไม่น่าจะทำได้เพราะพื้นฐานของผู้เขียนในสายตาคนอื่นนั้น จะว่าเป็นหนอนหนังสือก็ไม่ใช่ เพราะแค่จับหนังสือมาอ่านให้จบสักเล่ม ยังเป็นเรื่องยากเลย! นับประสาอะไรกับการเขียนหนังสือซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่ามากๆ
.. แต่ผู้เขียนเองก็ไม่เคยละทิ้งความฝัน มีคำกล่าวหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า “A goal without a plan is just a wish”...เป้าหมายที่ปราศจากการวางแผนก็เป็นได้แค่เพียงความปรารถนา...
.. ผู้เขียนเริ่มต้นการเขียนจากศูนย์เลยก็ว่าได้เพราะไม่มีความรู้หรือหลักการใดๆ เกี่ยวกับการเขียนเลย หัวใจและความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวที่ปราศจากการลงมือทำ ไม่สามารถทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จได้ผู้เขียนจึงศึกษาแนวทางการเขียน และวางแผนการเขียนทุกวัน (แม้ในวันที่ไม่อยากเขียนก็ตาม) เริ่มจากวางโครงสร้างเนื้อหาให้ครบทั้ง 10 บท จากนั้นแต่ละบทกำหนดหัวข้อออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ แล้วเริ่มต้นเขียนวันละ 1-2 หัวข้อไปเรื่อยๆจนครบ
.. ผู้เขียนดำเนินชีวิตตอนก่อนบวชมาอย่างคนไร้จุดหมาย และไม่เคยรู้ถึงเป้าหมายชีวิตของการเกิดมาเลย ถ้าไม่เจอพระพุทธศาสนา ผู้เขียนก็คงไม่ได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต คงไม่ได้มีโอกาสทำประโยชน์อะไรอีกหลายอย่างทั้งประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน และสามารถบอกใคร ๆ ได้อย่างภาคภูมิใจว่า “เป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้ เพราะมาบวชในพระพุทธศาสนา”
... ความที่อยากจะประกาศและตอบแทนคุณของพระพุทธศาสนา และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย รวมทั้งสำนักการศึกษา ที่อบรมหล่อหลอมและให้การศึกษา เสมือนได้ชุบชีวิตผู้เขียนขึ้นมาใหม่จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนตั้งใจทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา อนึ่ง ผู้เขียนคงไม่สามารถเป็นต้นแบบให้ใครได้ แต่ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านมีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป
.. ขอผลบุญที่เกิดจากการตั้งใจอันดีนี้ถึงพร้อมแก่มหาปูชนียาจารย์ บิดามารดา และผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่านที่ได้สนับสนุนดูแลผู้เขียนตลอดมา
"ปญฺญาวโร ภิกขุ"
.. ในคาบเรียนภาษาอังกฤษ อาจารย์เบนเล่าประสบการณ์ที่เคยขับสกู้ดเตอร์บนเกาะอังกฤษเป็นระยะทางกว่า 500 กม. ในวันเดียวด้วยความตื่นเต้น หลวงพี่นะโมนั่งฟังเงียบ ๆ ก่อนจะเล่าของตัวเองว่า ก่อนมาบวชอาตมาก็ขับเช่นนั้น วันละ 500 กม. เป็นเวลาร่วมปีอาจารย์เบนตะลึงหนักไปอีก เมื่อท่านเล่าต่อว่า อาตมาขับเพื่อไปทวงหนี้นอกระบบ แล้วทำท่าแบบหนังบู๊ให้ดู เป็นใครก็ต้องตะลึง เพราะนึกภาพไม่ออกว่า พระหน้ายิ้มอย่างหลวงพี่นะโม จะมีประวัติปืนโหดได้ขนาดนี้
.. ทำให้ยิ่งซาบซึ้งพระคุณของหลวงพ่อ ที่ท่านให้ชีวิตใหม่แก่ผู้เคยหลงเดินผิดทางแบบหลวงพี่นะโม มานับหลายร้อยหลายพันชีวิต ด้วยโครงการบวชต่าง ๆ สิ่งที่ทำให้หลวงพี่นะโมพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด จนมาเป็นนักเขียนให้เราได้อ่านเล่มนี้ คือ พื้นฐาน “ความกตัญญู” ในหัวใจ
.. คนมีความกตัญญูอยู่ที่ไหน ทำสิ่งใดก็เจริญ และเป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง ที่เรามีอายุพระศาสนาที่มีความตั้งใจพัฒนาตัวเอง เพื่อยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมเช่นนี้ ขอกราบอนุโมทนา และหวังว่าจะได้อ่านเล่มต่อๆไปของท่านอีก
ขอขอบคุณคำนิยามจาก.. ทพญ.ดร.ศิริรัตน์ งามแสง
หัวหน้าศูนย์ภาษา DCI Center for Buddhist Studies
>> โปรดกดติดตาม เพื่อรับเรื่องราวดี ๆ ในครั้งต่อไป..
#หลวงพี่นะโม
#หนังสือจูนความคิดพิชิตความสำเร็จ
#จูนความคิด #พิชิตความสำเร็จ #ความสำเร็จ #ความคิด #จูนความคิดพิชิตความสำเร็จ #tunningmind #successtory
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น