กฎ 20 ไมล์

กฎ 20 ไมล์
ในปี ค.ศ.1911 มีนักสำรวจชาวนอร์เวย์และอังกฤษแข่งกันว่า  ใครจะสามารถพิชิตขั้วโลกใต้ได้เป็นคนแรก คณะของนักสำรวจชาวนอร์เวย์นำโดยโรอัลด์ อามุนด์เซน (Roald Amundsen) ส่วนคณะนักสำรวจชาวอังกฤษ นำโดย โรเบิร์ต ฟอลคอน สก๊อต (Robert Falcon Scott) ท้ังสองคนมีอายุและประสบการณ์พอๆกัน ออกเดินทางในเวลาไล่เลี่ยกัน  หลังจากออกเดินทางไปสองเดือนแรก ทั้งสองคณะต้องเจอทั้งวันที่อากาศดีและอากาศแย่พอๆกันด้วย  และในที่สุดคณะของชาวนอร์เวย์ก็เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่พิชิตขั้วโลกใต้ได้สำเร็จ ส่วนคณะของชาวอังกฤษเดินทางไปถึงขั้วโลกใต้หลังจากนั้น 35 วัน  และได้เห็นธงชาตินอร์เวย์ปักอยู่ที่ขั้วโลกใต้ก่อนแล้ว  จึงรู้ว่าคณะของชาวนอร์เวย์มาถึงก่อนคณะของตน  คณะของชาวนอร์เวย์สามารถเดินทางกลับไปถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย  และประกาศให้โลกรับรู้ถึงความสำเร็จของเขา  ในวันที่ 25 มกราคม ค.ศ.1912 แต่ทว่าคณะของชาวอังกฤษไม่มีใครเหลือรอดกลับมาซักคนเดียว  ทุกคนเสียชีวิตระหว่างทาง อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย  คําถาม อะไรคือความแตกต่างระหว่างคณะของชาวนอร์เวย์และชาวอังกฤษ ?  ความแตกต่างอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ  คณะของชาวนอร์เวย์จะกำหนดระยะเดินทางวันละประมาณ 15-20 ไมล์เสมอ  แม้ในวันอากาศดีที่จะสามารถจะเดินทางไปได้ไกลถึงวันละ 30 ไมล์ก็ตาม  แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินทางไม่เกิน 20 ไมล์อยู่ดี  ส่วนในวันที่อากาศเลวร้ายมากๆ คณะของชาวนอร์เวย์ก็ไม่หยุด  ยังคงออกเดินทางต่อแม้จะไปได้แค่ 10-15 ไมล์ ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้ออกเดินทางเลย  ส่วนคณะของชาวอังกฤษนั้นไม่ได้กำหนดระยะในการเดินทาง วันไหนที่อากาศดีมากก็จะบุกตะลุยไปให้ได้ระยะไกลที่สุด เพื่อชดเชยวันที่ไม่ได้เดินทาง แต่การทำเช่นนั้นส่งผลให้หมู่คณะเหนื่อยล้าเกินไป ส่วนวันที่อากาศแย่ๆทุกคนจะหลบอยู่ในเต๊นท์ไม่ยอมออกเดินทาง และเขียนบันทึกแบบเซ็งๆว่า วันนี้อากาศไม่เป็นใจเอาเสียเลยทำให้ไม่มีแรงใจและแรงกายพอที่จะสู้ต่อ และเป็นเหตุให้ไม่สามารถนำพาชีวิตของตนรอดกลับมายังฝั่งได้เลยแม้สักคนเดียว นี่คือที่มาของกฎ 20 ไมล์ ที่ผู้พูดยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆว่า ถ้าเราอยากจะประสบความสำาเร็จในเรื่องใด เราควรจะสร้างความก้าวหน้าในเรื่องนั้นทุกๆวัน ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของการฝึกตัวเองให้เป็นคนมี ”วินัย” นั่นเอง

#NAMOCHANNEL

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม